เจินว้าน | ปูซาน เกาหลีใต้

เป็นคนเก็บตัวตั้งแต่อายุยังน้อย ร่างกายอ่อนแอและขี้โรค

ปีนี้ (ปี 2017) ผมมีอายุ 52 ปี ผมเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน เนื่องจากผมร่างกายอ่อนแอและขี้โรคมาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่จึงทะเลาะกันอยู่บ่อย ๆ ผมซึ่งเป็นคนเก็บตัวอยู่แล้ว กลับกลายเป็นคนเก็บตัวเข้าไปใหญ่ คิดลบ และพูดน้อย ผมมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นเด็กผู้โชคร้าย มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เคยคิดจะฆ่าตัวตายด้วย เพื่อที่จะทำให้ชีวิตของตัวเองมีความหวังและเป้าหมาย ผมจึงได้ค้นหาตัวเองอย่างหนัก โดยหวังว่าจะพบที่พักพิงทางจิตวิญญาณของตนเอง

ผมเป็นโรคจมูกอักเสบมานานกว่า 30 ปี ผมเคยต้องอดทนกับความทุกข์ทรมานจากอาการน้ำมูกไหลอย่างหนักทุกวัน ตอนที่อาการรุนแรงก็ต้องอาศัยการพ่นยาเพื่อบรรเทาอาการ ในฤดูหนาวผมนอนไม่หลับเลยเพราะมีอาการคัดจมูก ไม่เพียงเท่านั้นผมยังเป็นโรคลำไส้ใหญ่อักเสบจากภูมิแพ้มาเป็นเวลานานกว่า 20 ปีอีกด้วย มันทำให้ผมรู้สึกท้องอืดท้องเฟ้ออยู่บ่อยครั้ง โดยปกติผมจะต้องระมัดระวังอาหารที่ต้องหลีกเลี่ยงเป็นพิเศษ ถ้าเผลอกินของเย็นเข้าไปก็จะท้องเสีย การวิ่งเข้าห้องน้ำโดยเฉลี่ย 3-4 ครั้งต่อวันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำเลยครับ

โรคจมูกอักเสบที่เป็นมาหลายสิบปีดีขึ้น การทำงานของระบบทางเดินอาหารก็แข็งแรงขึ้นด้วย

เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2013 ครั้งหนึ่งผมบังเอิญได้ยินท่านปรมาจารย์จินโพธิขับร้อง “พระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระโพธิสัตว์กวนอิม” ในรายการพุทธศาสนาทางทีวีของเกาหลี ทันใดนั้นผมก็รู้สึกว่าจิตใจเบิกบานและมีความสุขมาก จิตใจภายในผ่อนคลายและเป็นสุขเหลือเกิน ก็เลยสมัครห้องเรียนเพื่อสุขภาพ 8 วันครึ่งในทันที ในคลาสเรียนนี้ ตอนที่ผมได้ฟังการบรรยายจากท่านปรมาจารย์จินโพธิอีกครั้ง ผมก็แน่ใจได้เลยว่าการปฏิบัติธรรมโพธิคือที่สถานที่พักพิงทางจิตวิญญาณที่ผมตามหาอยู่

หลังจากจบหลักสูตร ผมก็เข้าร่วมห้องเรียนเพื่อสุขภาพในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ของปีเดียวกันต่อเลย ในคลาสเรียนคราวนี้ทำให้ผมรู้สึกถึงพลังแห่งความเมตตาของท่านปรมาจารย์จินโพธิอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาในชั้นเรียนนี้อยู่ตลอด ตอนที่กราบไหว้ก็ร้องไห้ ตอนที่สวดมนต์ก็ร้องไห้ ราวกับต้องการร้องไห้เอาความทุกข์ระทมที่มีอยู่ในใจตลอดหลายปีออกมาอย่างไรอย่างนั้น

ในวันที่ 2 ของคลาสเรียน ขณะที่ฝึก “วิชามหารัศมี” จู่ ๆ ผมก็เริ่มปวดท้องขึ้นมาพร้อมกับอาการคลื่นไส้อย่างรุนแรง ผมรู้ว่านี่เป็นการขับล้างพิษในร่างกาย และที่น่าอัศจรรย์นั่นก็คือ เมื่อผมได้ฟัง “พรแห่งความเมตตา” ของท่านปรมาจารย์ในคลาสเรียนของบ่ายวันนั้น ร่างกายของผมก็กลายเป็นผ่อนคลายและสบายขึ้นมาก จิตใจของผมที่แต่เดิมเคยตึงเครียดอันเนื่องมาจากปฏิกิริยาของอาการป่วยก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง อาการของโรคจมูกอักเสบก็ดีขึ้นโดยไม่ต้องใช้ยาพ่นเช่นกัน ตั้งแต่นั้นมาอาการท้องเสียของผมก็ทุเลาลง ปริมาณอาหารที่กินก็เพิ่มขึ้นด้วยเมื่อเทียบกับแต่ก่อน

วันที่ 20 พฤษภาคมของปีเดียวกันนั้นเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของผม วันนี้ ในที่สุดผมก็ได้เป็นลูกศิษย์ของท่านปรมาจารย์จินโพธิแล้ว ในเวลาเดียวกันผมซึ่งกำลังเข้าร่วมในชั้นเรียนระดับ 2 ก็เริ่มอิ่มทิพย์ (หมายเหตุ: “อิ่มทิพย์” เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างการปฏิบัติธรรม นั่นคือ แม้ว่าจะไม่ทานอาหารหรือทานน้อยก็ไม่รู้สึกกระหายน้ำหรือหิวเลย นอนหลับน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด แต่กระฉับกระเฉงมีพลัง ร่างกายและจิตใจก็ผ่อนคลาย) ประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจากที่สิ้นสุดการอิ่มทิพย์ ผมก็พบว่าการทำงานของระบบทางเดินอาหารของผมดีขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าผมจะทานอาหารเย็น ๆ ผมก็ไม่รู้สึกไม่สบายท้องอีกต่อไป ไม่เพียงแค่นั้น ร่างกายของผมก็ผ่อนคลายมากขึ้น ร่างกายที่เคยผอมกะหร่องอ่อนแอของผมก็มีกำลังวังชามากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยครับ

หมั่นเดิน “ปากว้า” ได้รับพลังงานอย่างเพียงพอ

ในเดือนธันวาคม ปี 2013 ท่านปรมาจารย์จินโพธิได้เดินทางมาที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ทันทีที่ผมได้เห็นท่านปรมาจารย์และได้มองเข้าไปในดวงตาที่เปี่ยมด้วยเมตตาของท่าน ผมก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจเป็นพิเศษ พร้อมทั้งรู้สึกปีติยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ผมได้เป็นลูกศิษย์ของท่าน เมื่อท่านปรมาจารย์เห็นร่างผอมกะหร่องของผม ท่านก็พูดกับผมด้วยความห่วงใยว่า: “สุขภาพร่างกายของคุณไม่ค่อยแข็งแรง เพราะพลังชี่ในร่างกายของคุณไม่เพียงพอ คุณลองเดิน “ปากว้า” ทุกวัน วันละ 2 ชั่วโมงดูนะ” หลังจากที่ฟังท่านปรมาจารย์พูดจบ ในขณะที่รู้สึกขอบคุณไปด้วย ผมก็เริ่มเคร่งครัดกับตัวเอง นอกจากจะเดิน “ปากว้า” ทุกวัน วันละ 2 ชั่วโมงแล้ว ก็ยังได้เพิ่มเวลาฝึกปฏิบัติธรรมเป็น 3 ชั่วโมงอีกด้วย

ผมจำได้ว่าตอนที่ผมเริ่มเดิน “ปากว้า” อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ร่างกายของผมก็ปวกเปียกและอ่อนแรงเนื่องจากความอ่อนแอของร่างกาย และผมก็มีเหงื่อออกมากตลอดกระบวนการฝึกอีกด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไป 108 วัน ร่างกายของผมก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่ผมจะรู้สึกเต็มไปด้วยกำลังวังชาทั่วทั้งร่างกายเท่านั้น ร่างกายยังผ่อนคลายและเต็มเปี่ยมด้วยพลังขึ้นด้วย เมื่อก่อนวิ่งเล่นชายหาดแค่แป๊บเดียวก็หมดแรงแล้ว แต่หลังจากได้เดิน “ปากว้า” ผมก้าวเดินได้อย่างมั่นคงและมีแรงขึ้นกว่าเดิม แม้แต่การวิ่งไปรอบ ๆ หาดก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลย

ตอนนี้ผมได้ลบล้างบุคลิกที่เป็นคนเก็บตัวและคิดลบในอดีตออกไปแล้ว ในทุก ๆ วันผมจะอุทิศตนให้กับงานของศูนย์ปฏิบัติธรรมอย่างขยันขันแข็งและมีความสุข ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม ปี 2016 ผมได้นำทุกคนเดิน “ปากว้า” ที่สวนสาธารณะสุสานทหารสหประชาชาติในเมืองปูซานประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากร่างกายของผมได้รับผลประโยชน์จากการเดิน “ปากว้า” ดังนั้นผมจึงหวังว่าจะได้เผยแพร่ “กำลังภายในปากว้า” ร่วมกับผู้คนมากมายทั่วสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อให้มีผู้คนจำนวนมากยิ่งขึ้นสามารถก้าวเดินไปสู่สุขภาพที่ดีและมีความสุขได้!

(หมายเหตุ: ผลลัพธ์ของการปฏิบัติธรรมจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล)

ภาพถ่ายและบทความจัดทำขึ้นโดยศูนย์ปฏิบัติธรรมปูซานในเกาหลีใต้