เรื่องราวของผู้เรียน

การลดน้ำหนักคือสิ่งที่ฉันปวดหัวมากที่สุด ฉันเริ่มอ้วนตั้งแต่อายุ 18 ปี โดยมีน้ำหนัก 150 ปอนด์ (ประมาณ 68 กก.) เพื่อที่จะทำให้รูปร่างของฉันดูผอมลงเล็กน้อย ฉันเลยซื้อเสื้อผ้าสีดำทั้งนั้น ไม่กล้าใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันเลยค่ะ ฉันเคยลองกินยาลดน้ำหนักด้วย แต่ไม่ว่าจะกินยาลดน้ำหนักทั้งชนิดที่มีในประเทศหรือต่างประเทศก็ไม่ได้ผลตามที่ต้องการเลยค่ะ เมื่อไรที่ฉันหยุดกินยา น้ำหนักของฉันก็จะดีดตัวขึ้นอีก เป็นผลให้ฉันค่อย ๆ สูญเสียความมั่นใจในการลดน้ำหนัก จนกลายเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองเอาเสียเลย
Read Article
เมื่อ 10 ปีที่แล้ว สภาพร่างกายของฉันเริ่มทรุดโทรม อย่างแรกคือภูมิคุ้มกันลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ฉันกลัวความหนาวเย็นเป็นพิเศษ ในสภาพอากาศร้อนของสิงคโปร์ ใคร ๆ ก็ใส่เสื้อแขนสั้นกันทั้งนั้น แต่ฉันต้องใส่เสื้อคลุมหนา ๆ ถึงจะรู้สึกอบอุ่นค่ะ นานวันเข้า อาการหวัดก็ค่อย ๆ กลายเป็น “เรื่องประจำวัน” ของฉัน ในกรณีที่รุนแรงคือฉันเป็นหวัดเกือบทุก ๆ 2 สัปดาห์ มีอาการปวดหัว น้ำมูกไหล อ่อนเพลียง่าย และมักจะรู้สึกไม่มีแรงในการทำงาน ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ แผ่นหลัง เอวและขาของฉันเริ่มแข็งจนปวด เมื่อประจำเดือนมาขาของฉันก็จะปวดมากจนเดินไม่ได้เลยค่ะ เพื่อที่จะบรรเทาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายของฉัน ฉันจึงมักจะไปพบแพทย์แผนจีนโดยทำการนวดทุยหนา แต่การนวดก็ได้ผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
Read Article
ตั้งแต่แต่งงานและมีลูกฉันแทบจะไม่ได้นอนหลับสบาย ๆ อีกเลยค่ะ คุณภาพการนอนก็ค่อนข้างแย่และสั้นมาก หลับไปได้ไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็ตื่นแล้ว การนอนตื่นไวเป็นเวลาหลายปีทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของฉันอ่อนแอลง มือและเท้าของฉันก็เย็นลง ฉันมักจะปวดหัวและเป็นหวัดอยู่เสมอ สภาพอารมณ์ของฉันก็กลายเป็นขี้โมโห เมื่อลูกมีธุระมาถามฉัน ฉันก็มักจะพูดออกไปอย่างไม่มีความอดทนว่า “ไปหาพ่อเลยไป” ซึ่งทำให้เมื่อโตขึ้นลูกก็เลยไม่ชอบอยู่ใกล้ฉัน ครอบครัวของฉันประกอบธุรกิจเครื่องใช้ในครัวค่ะ การเข้าสังคมกับเพื่อน ๆ จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อสามีชวนฉันไปร่วมงานด้วย ฉันก็มักจะปฏิเสธ ฉันค่อย ๆ มีนิสัยชอบสันโดษเอาแต่ใจตนเอง มีข้อสงสัยและความลังเลที่จะโต้ตอบกับบุคคลภายนอก และก็ไม่ชอบพูดคุยกับใครค่ะ
Read Article